Fic snsd : แพ้แล้วพาล (Yuri)
"Just fine".....the end.....
ผู้เข้าชมรวม
2,792
ผู้เข้าชมเดือนนี้
3
ผู้เข้าชมรวม
แพ้แล้วพาล
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
แสงไฟที่แยงตาทำให้เขาแทบลืมตาไม่ขึ้น ยกมือขึ้นเพื่อขยี้ตาให้หายมัว เขายันตัวเองขึ้นมาและเริ่มสำรวจไปรอบๆ ...คุ้นๆแฮะ......
“ไง........ตื่นแล้วเหรอไอ้ยูล”
เสียงหนึ่งดังขึ้นด้านหลัง.......เขาหันกลับไปมองด้วยความฉงน พลางคิดย้อนกลับไปเหตุการณ์เมื่อครู่.......แต่มันเป็นเรื่องจริงหรือเป็นแค่ความฝันกันล่ะ
ถ้ามันไม่ใช่ความจริง......ทิฟฟานี่ก็ยังคงเป็นแฟนเธอสินะ......
แต่หากเป็นเรื่องจริง.......คิมแทยอน........ก็แทงข้างหลังเขาอย่างนั้นหรือ?
“กว่าจะพาแกมาที่นี่ได้ก็เล่นฉันซะอ่วมเลยนะ ตัวหนักชะมัด.....”
ร่างเล็กเปรยออกมาเบาๆ........แต่นั่นได้เริ่มสร้างความกลัวให้กับเขาเสียแล้ว
“แกพาฉันมาที่นี่งั้นเหรอ.....”
“ก็ใช่น่ะสิ แล้วแกล่ะไปนอนแอ้งแม้งอยู่ในสวนทำไม ดีนะที่ฉันบัง
เอิญผ่านพอดีน่ะ หิมะก็ตกไม่ตายก็บุญแล้ว......”
วินาทีนี้ช่างเชื่องช้าในความคิดของเขา.......กลัว.....กลัวความจริงบางอย่างที่คิดเอาไว้.....ภายในฝัน เขาก็หมดสติขณะหิมะตกเช่นกัน ถ้ามันไม่ใช่ฝัน แล้วแทยอนกับทิฟฟานี่ล่ะ? ยูริกำผ้าปูที่นอนไว้แน่น และจ้องมองคนตัวเล็กที่ยังคงวุ่นวายกับการจัดของจิปาถะเล็กๆน้อยๆอย่างไม่วางตา......ความรู้สึกที่ถาโถมเข้ามาทำให้เขาไม่รู้ว่าจะมองหน้าเพื่อนสนิทอย่างไรดี.......
“แล้วแก........รู้เรื่องที่ฉันกับฟานี่......เลิกกันหรือยัง”
แค่พูดมันออกไปยังลำบาก.....
“ว่าไงนะ!? แกล้อฉันเล่นหรือเปล่า ทำไมล่ะ?”
ไม่รู้ว่าตาของเขาพร่ามัวหรืออย่างถึงได้มองว่าแววตาใสๆนั่นปรีดาอยู่ลึกๆ.....ตัวของเขาเริ่มสั่นเทาไปด้วยความโกรธ เสียงที่บอกว่าสาวตายิ้มรักใครเขายังจำได้ดี........
‘ฟานี่รักพี่แทยอน’
‘ฟานี่รักพี่แทยอน’
‘เรา.......กลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมเถอะยูล
’
‘เรา......เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้ไหมคะ’
‘ฟานี่รักพี่แทยอน’!!!!!
ยูริขบฟันแน่นเพื่อระงับความพลุ่งพล่าน.....หึ......รักมันมากนักใช่ไหม?
“ยังจะมีหน้ามาถามอีกงั้นเหรอ! แกเองก็รู้อยู่แก่ใจ!”
ร่างสูงลุกพรวดและกำหมัดแน่น
“เฮ้ย! แกเป็นบ้าอะไรเนี่ย.....เกี่ยวฉันยังไง!?”
“ยังไงงั้นเหรอ?......หึ เดี๋ยวก็รู้!”
พลั่ก!
ด้วยความโกรธและความเสียใจยูริจึงสาวเท้าเข้าไปต่อยหน้าใสแต่ไม่ซื่อเต็มแรงจนร่างเล็กๆถลาลงไปกับพื้น ไม่ทันได้ตั้งหลัก เขาก็ขึ้นคร่อมและประเคนหมัดให้นับไม่ถ้วน........แน่นอนว่าคนตัวเล็กๆอย่างคิมแทยอนไม่มีทางจะสู้เขาได้อยู่แล้ว
เขาอยากจะอัดมันให้กระอักเลือดตาย แต่กลับถูกใครบางคนคว้าข้อมือไว้เสียก่อน อีกทั้งยังผลักร่างของเขาให้พ้นจากคนข้างล่าง.........แต่เมื่อได้มองหน้าผู้มาใหม่เต็มๆตา.......เขาแทบอยากร้องไห้เหลือเกิน.......
“ฟานี่.....”
“แทยอน!เป็นอะไรมากไหม?.......เธอทำบ้าอะไร ควอนยูริ!!!”
เธอตวาดลั่นทั้งน้ำตา..... “ก็เห็นๆอยู่ว่ามันแย่งฟานี่ไปจากยูลน่ะ! ยูลก็จะฆ่ามันน่ะสิ!”
เขาขึ้นเสียงกลับ “ฟานี่ไม่เคยคิดเลยนะ......ว่ายูลจะเป็นคนแบบนี้” เธอเอ่ยเสียงอ่อน “ฟานี่คิดว่ายูลจะสามารถเป็นเพื่อนที่ดีของเราสองคนได้ซะอีก.....”
เพื่อนที่ดีอย่างงั้นเหรอ? ใครจะไปทำได้! เขาก็เป็นคนๆหนึ่งที่มีเลือดมีเนื้อมีความเจ็บปวด......เธอจะให้เขาทนดูคนที่เคยรักไปทำอะไรที่ไหนกับใครอย่างนั้นหรือ? ถ้าทำได้เขาก็อยากจะทำมันนัก!
“เพื่อนที่ดีของพวกเธอ?.....อย่าพูดให้ขำหน่อยเลยน่า.....ให้เป็นเพื่อนกับ ‘คนทรยศ’ แบบมันเนี่ยนะ!! คิดได้ยังไง! ฟานี่เลิกกับยูลเพราะไม่อยากทรมาน......แต่เคยคิดบ้างไหมว่ายูลก็ทรมานไม่แพ้กัน!!!!”
พลั่ก!
“โอ๊ย!”
ยูริเบิกตากว้างเมื่อสติได้หวนกลับคืนมา......สิ่งที่เขาไม่คาดคิด......สิ่งที่ไม่เคยอยากจะทำมาก่อน........นาฬิกาปลุกที่อยู่ในมือเขามีรอยเลือดจางๆ......ร่างบางกุมศีรษะด้วยความเจ็บปวด....
เขาทำร้ายคนที่เขารักถึงสองคน.......
“ไอ้ยูล!!!!”
แทยอนที่ถึงแม้จะไม่หายดีเท่าไหร่นัก ลุกขึ้นมาซัดหมัดใส่หน้าของยูริเต็มแรง
พลั่ก! พลั่ก! ผัวะ!!
ร่างสูงไม่คิดจะตอบโต้ใดๆทั้งสิ้นสมองของเขาชาเสียจนน่ากลัว.....
“ไอ้เลว! แกทำฉัน ฉันไม่ว่า! แต่แกทำฟานี่ ทำร้ายคนที่แกรัก! แกมันงี่เง่าที่สุด!!”
โครม!!!
คราวนี้แทยอนต่อยเต็มแรงเสียจนเขาเซไปชนเข้ากับชั้นหนังสืออย่งารุนแรง......จุก.....จุกดีจริงๆ.....เจ็บ.....เจ็บไปหมดทั้งตัว แต่สิ่งเหล่านั้นเทียบไม่ได้กับความปวดร้าวภายในหัวใจเขาเลยสักนิด......สับสน........ถามว่าเกลียดไหม......เกลียด........ถามว่าโกรธไหม.....โกรธ แต่ตอนนี้ทิฟฟานี่กำลังเจ็บ......หากเขาไม่มีสิทธิ์ปลอบอีกต่อไป.....
.......เพราะคนที่ทำร้ายเธอคือเขาเอง.......
แทยอนพยุงทิฟฟานี่ออกไปและเหลียวกลับมามองด้วยแววตาที่เขาไม่เคยได้รับจากอดีตเพื่อนสนิทคนนี้มาก่อน......มันฉายชัดว่า ‘สมเพช’ เขามากขนาดไหน......
คล้อยหลังทั้งสองคน......น้ำตาที่กักไว้มันก็แข่งกันไหลออกมาไม่ยอมหยุด.......เสียงสะอื้นดังระงมไปทั่วบริเวณบ้าน นานเท่านานที่เขาระบายมันออกมา
ยูริค่อยๆพยุงตัวเองขึ้นอย่างทุลักทุเล......พลางเช็ดน้ำตาที่ไม่มีให้ไหลอีกต่อไป......
“ฉันไม่มีวันเสียฟานี่ไปง่ายๆแน่.......ไม่ว่าใครจะประณามว่าฉันขี้แพ้ยังไงก็ตาม! คิม แทยอน!!”
เดียวดาย.....
ยูรินั่งกอดอกลำพัง คงเพราะด้วยอากาศหรือความหนาวเหน็บที่กำลังเกาะกินหัวใจเขากันแน่.....
บางที เขาควรจะถอย แต่ถ้าใครไม่ลองมาเป็นเขาคงไม่รู้......คนที่ได้ชื่อว่า แฟน และคนที่เรียกได้เต็มปากว่าเพื่อนรักร่วมมือกัน 'หักหลัง' เขาได้ลงคอ.....เวลานี้เขาทั้งเคียดแค้นและท้อแท้ แค้นคนที่แย่งเธอจากเขาไป.....ท้อเมื่อได้เห็นแววตาของใครคนนั้น คิดไม่ตกจริงๆว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปดี.....
ถ้าคนเราเลือกที่รักใครได้ตามใจชอบ ก็คงไม่มีคนผิดหวัง......แบบที่เขากำลังเป็น......
ตอนนี้เขาชักเริ่มเกลียดตัวเองเข้าไปทุกที ยิ่งคิดถึงเรื่องนั้นทีไร....น้ำตาก็ต้องซึมออกมาทุกครา
ถ้าหาก.....เวลานี้มีใครสักคอยปลอบคงจะดีกว่า
ผู้คนเดินเดินขวักไขว่ไปมา แต่ละคนต่างมีจุดหมายของตัวเอง บ้างก็เดินด้วยความเร่งรีบ บ้างก็เอื่อยเฉื่อยราวกับโลกนี้ไม่มีอะไรให้ไล่ตาม......หากที่เหมือนกันหมดทุกคนก็คือไม่มีใครหันมาสนใจคนที่นั่งปวดร้าว......ไม่มีใครสักคนที่จะมองผ่านแววตาที่สะท้อนไปด้วยความทรมานดวงนี้
บางครั้ง......เขาก็เริ่มคิดว่ามนุษย์เห็นแก่ตัวหมดทุกคน......ไม่เว้นแม้แต่ตัวเขาเอง
แต่สิ่งที่เขาคิดเมื่อครู่ก็พลันมลายหายไป เมื่อกาแฟอุ่นๆปรากฎอยู่ตรงหน้าพร้อมผู้ที่เปล่าเสียงหวานจับใจ.....
"หนาวก็ดื่มหน่อยสิคะ....."
เขาเงยขึ้นสบตาผู้มาใหม่ เธอมีดวงตาแห่งความจริงใจ.......จมูกเป็นสัน......ริมฝีปากแดงระเรื่อ ใบหน้าเรียวไข่ทำให้ทุกๆอย่างช่างลงตัวภายในคนๆเดียว เรือนผมสีทองช่างเหมาะสมกับเธอเสียจริง....
เธอคนนั้นนั่งลงข้างๆเขา ด้วยขนาดของม้านั่งมีที่พอแค่สองคน ทำให้เขารับรู้ถึงไออุ่นของหญิงสาว
"นั่งคนเดียวไม่เหงาเหรอ......ฉันจอง เจสสิก้า....ยินดีที่ได้รู้จัก"
คำพูดของเธอดูค่อนข้างห้วนไปหน่อย แต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงรู้สึกดีกว่าคำพูดหวานๆของอดีตคนรักเป็นกอง
"เอ่อ......ยินดีที่ได้รู้จัก ควอน ยูริค่ะ"
"ท่าทาง......คุณคงจะมีเรื่องทุกข์สินะ"
"ก็นิดหน่อย...." ตอบพลางเบนหน้าไปทางอื่น.....ไม่อยากจะนึกถึงมันเท่าไหร่นัก....
"ปล่อยให้มันผ่านไป.....เวลาจะช่วยให้คุณดีขึ้น"
คราวนี้ถึงกับต้องหันขวับมามอง.....พูดอย่างกับเป็นหมอดู
"ดวงตาคุณ....มีแต่ความเศร้าเต็มไปหมดเลยน่ะ.....รับๆดื่มนะ ไม่งั้นมันจะเย็นหมด เจอกันครั้งหน้า ฉันหวังว่าจะได้เห็นคุณมีความสุข...."
จากนั้นเธอก็เดินหายไปท่ามกลางผู้คนที่เดินสวนกันแน่นขนัด ปล่อยให้เขาได้เริ่มทบทวนตัวเองอีกครั้ง..... เขาเริ่มจิบกาแฟอุ่นๆนั่นด้วยความผ่อนคลาย.....ต่อจากนี้คงต้องเลือกว่าจะเดินหน้าหรือถอยหลังแล้วล่ะ......
สุดท้ายเขาก็ทนไม่ได้......
ถ้าหากเป็นเมื่อก่อน เขาก็คงบอกว่าไร้สาระ เคยคิดว่าคนที่ยอมทำอะไรโง่ๆ ยอมทำอะไรที่ลดศักดิ์ศรีตัวเอง หรือแม้กระทั่งการร้องไห้คุกเข่าอ้อนวอน เป็นเรื่องที่เขาไม่เคยคิดว่าจะทำมาก่อน แต่ตอนนี้ไม่ใช่แบบนั้นอีกแล้ว ในเวลานี้เขาพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ความรักจะสาวตายิ้มกลับคืนมา ยอมตาบอด ยอมถูกเหยียดหยาม ยอมให้ดูถูก หากไม่เกินความสามารถของมนุษย์คนหนึ่ง......เขาเต็มใจทำทั้งนั้น.....
บางที.....คราวนี้เขาอาจถอยกลับไม่ได้แล้วจริงๆ ยูริลูบวัตถุสีดำที่เหน็บอยู่ที่เอวด้วยมือที่สั่นเทา.......ยังไงซะ.......เขาก็ทนเห็นทั้งสองมีความสุขไม่ได้ ถ้าเขาไม่ได้......แทยอนก็ต้องไม่ได้เช่นกัน
เขาขยับหมวกแก๊ปสีดำเล็กน้อย พลางเริ่มการสะกดรอยตามคู่รักคู่หนึ่งที่เดินจับมือหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน........อีกคราที่ต้องกำมือแน่นเพื่อระงับอารมณ์คุกกรุ่นซึ่งพร้อมจะระเบิดออกมาได้ทุกเวลา......
ช่างดูมีความสุขเสียจริง......ผิดกับเขาที่ต้องนอนจมน้ำตาตัวเอง.......
ทั้งสองเดินเข้าไปในร้านอาหารตามประสาคนรักกันใหม่ๆทำกัน.......ครั้งหนึ่งเขายังเคยเดินกุมมือกับสาวร่างบาง......ครั้งหนึ่งเขาก็เคยพาทิฟฟานี่มาทานอาหารที่ร้านนี้.....แต่เธอคงจำไม่ได้แล้วมั้ง ว่าเคยมาที่นี่กับใคร......
แทยอนเช็ดมุมปากที่เปื้อนซอสให้ทิฟฟานี่ ทั้งสองสบตากันซื่อความหมาย ราวกับโลกนั้นมีเพียงพวกเธอสองคนเท่านั้น........
จะรู้บ้างไหมว่าใครกับลังเจ็บปวดทุรนทุรายจากความสุขของพวกเขา......
น้ำตาไหลออกมาอีกครั้ง เขารีบปาดมันออกก่อนที่ผู้คนมากมายจะเริ่มจับจ้อง
สาวตายิ้มป้อนบางอย่างให้แทยอน......ทั้งสองอมยิ้ม และผลัดกันป้อนไปมา
น้ำตาหยดที่สองไหลจากดวงตาที่เพิ่งได้มองภาพบาดใจ ไม่รู้ว่ายืนนิ่งอยู่ตรงนั้นนานแค่ไหน แต่ก็คงนานพอที่ทั้งสองคนจะเดินออกมาจากร้าน เขาพยายามไม่มองมือที่คอยเกาะกุมกัน.....มือของมันคงอุ่นกว่าฉันสินะ.......
ใบไม้ร่วงหล่นตามฤดูกาล หิมะโปรยปรายลงมาทับทมกันจนรอบกายขาวโพลน......ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาก็คงพาทิฟฟานี่มานั่งชมภาพที่สวยงามเช่นนี้......หากคนที่พาเธอมากลับไม่ใช่เขา....... ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้นคนที่แย่งเธอไปจากเขามากขึ้นไปอีก.....ถ้าไม่มีแทยอนสักคน ร่างบางก็คงรักแต่เขาคนเดียว.....
ตอนนี้เขาคิดเพียงแค่นั้นจริงๆ......
แต่สิ่งที่ย่ำยีหัวใจเขามากที่สุด ไม่ใช่การเดินกุมมือ.....ไม่ใช่การกอด แต่เพราะสายตาที่เขาไม่เคยได้รับจากร่างบาง สายตาที่เปี่ยมไปด้วยความรัก รอยยิ้มที่เป็นเอกลักษณ์นั่นไม่ได้มอบให้เขาเพียงคนเดียว......ทั้งที่เขาเป็นคนที่สมควรได้รับมัน.....
ร่างสูงค่อยๆดึงวัตถุสำดำมือขนาดพอดีมือขึ้นมา อาจจะเป็นโชคดีของเขาที่วันนี้คนในสวนสาธารณะไม่ค่อยมีคน......หรือจะพูดให้ถูกคือไม่มีเลยต่างหาก
เขายกปืนขึ้นเล็งด้วยมืออันสั่นเทา.....
ณ จุดๆนี้......เขาอาจจะต้องเลือกอีกครั้ง.....
บางคนก็หาว่าเขาบ้า งี่เง่า......แค่นี้ก็รับไม่ได้......
ได้โปรดอย่ามาพูดว่าทำไมฉันถึงไม่ทน......ถ้าคุณไม่ใช่คนที่เสียใจ.......
“.....ฟานี่.....ร้องไห้ทำไม”
เขาเอ่ยขึ้นด้วยความตกใจ เมื่อจู่ๆทิฟฟานี่ก็ร้องไห้ออกมาอย่างไร้สาเหตุ แทยอนปล่อยมือที่กุมอยู่ออกแล้วเปลี่ยนไปเช็ดน้ำตาให้หญิงสาว
“.....ยูลเคยพาฟานี่มาที่นี่.....”
ใครว่าไม่เจ็บ.......เขาอยู่กับเธอทั้งคนยังจะคิดถึงแฟนเก่าได้ลงคอ ไม่ว่าตอนนี้หรือตอนไหน เธอก็คงลืมยูริไม่ลงอยู่ดีสินะ........จะต้องให้ฉันรออีกนานแค่ไหนกันทิฟฟานี่.......
“ฟานี่เคยบอกไว้ว่า....ถ้าหิมะตกเมื่อไหร่ เราสองคนจะมาที่นี่อีกครั้ง.....แต่สุดท้ายฟานี่ก็ผิดคำพูด.....”
เขาชักจะไม่แน่ใจว่าใครผิดกันแน่........คนที่เลือกทิ้งยูริอย่างทิฟฟานี่.......คนที่หน้ามืดตามัวอย่างอดีตเพื่อนรัก.......หรืออาจจะเป็นเขากันแน่ที่ไปแย่งเธอมา.....หากจะว่าแย่งก็ไม่ถูกนัก
..
ในเมื่อเขาแอบรักสาวตายิ้มก่อนที่ทั้งสองคนจะเจอกันเสียอีก.....
ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาเองก็เจ็บมาไม่น้อยเช่นกัน ถ้าหากเวลานี้เขาอยากจะทวงสิ่งที่ควรจะได้กลับมา ก็คงไม่ผิดนัก.....
แทยอนดึงร่างของสาวตายิ้มเข้ามากอดเพื่อต้องการปลอบประโลม......
“ไม่เป็นไรหรอกฟานี่.......แทเชื่อว่ายูลคงทำใจได้”
“แต่.....แต่ถ้ายูลทำไม่ได้ล่ะ”
“.....ไม่รู้สินะ......คงต้องพึ่งพระเจ้าแล้วล่ะ”
เขาทำได้เพียงภาวนาให้ฟ้าเมตตาอย่าให้ยูริทำอะไรโง่ๆอีกเลย.....
ต้องเห็นภาพบาดใจซ้ำๆซากๆ......ปลายกระบอกปืนเล็งไปยังทั้งสองที่กอดกัน น้ำตายังคงพากันไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง แค่พียงเขาเหนี่ยวไกมันเท่านั้น ชีวิตคนๆหนึ่งก็จะดับลงไปทันที......เพื่อนรักจะหายไปตลอดกาล.......
แบบนี้ดีแล้วจริงๆหรือ
“แบบนี้ดีแล้วจริงๆงั้นเหรอ”
เขาหันไปทางต้นต่อเสียงด้วยความตระหนก อีกครั้งที่เจอผู้หญิงคนนี้......แม้เพิ่งได้เจอกันแค่ครั้งเดียวแต่ความสวยนั้นทำให้เขาลืมไม่ลง พร้อมทั้งการมาแบบผลุบๆโผล่ๆนี่ด้วย......
“วางมันลงเถอะนะยูริ”
เธอจับปลายกระบอกปืนให้ต่ำลง และดึงมันออกไปอย่างง่ายดายโดยที่เขาไม่อาจจะขัดขืน......คงเป็นเพราะดวงตาที่สามารถสะกดใจเขาได้ล่ะมั้ง ไม่รู้จะดูแปลกไปหรือเปล่า ที่ทุกครั้งที่ได้เจอผู้หญิงแปลกๆนามเจสสิก้าคนนี้จะพาลทำให้ใจเขาเย็นลงได้ทุกครา ความคิดที่จะสังหารใครคนนั้นก็หายไป.....
“ฉันรู้......ว่าตอนนี้คุณกำลังเสียใจ แต่สิ่งที่คุณต้องแลกไม่คุ้มเลยนะ......” เธอพูดพร้อมเอียงคอดูน่ารัก
“แล้วจะให้ฉันทำยังไง”
เธอยิ้มบางๆ พร้อมกับเอ่ยคำที่เขาคาดไม่ถึง
“ก็....หันมาเปิดใจมองคนที่อยู่ข้างๆคุณนี่สิ”
เธอยิ้มอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว จะเรียกว่ากล้าหรือไร้เดียงสาดีนะ......ยูริเผลอหัวเราะออกมาในความน่าสนใจของผู้หญิงคนนี้
“ป่ะ....อย่ามัวเสียเวลาเลย ปล่อยๆพวกเขาไปเถอะ”
พูดจบร่างบางก็กุมมือเขาอย่างถือวิสาสะ อันที่จริงเขาก็ไม่ได้รังเกียจอะไรหรอกนะ แต่ออกจะงงๆไปนิด พูดเองเออเองซะอย่างนั้น เขาเดินตามเจสสิก้าอย่างเงียบๆ พลางคิดย้อนไปว่าหากไม่ได้ผู้หญิงคนนี้เขาจะทำอย่างไรต่อไป อาจจะต้องเข้าไปอยู่ในคุกเสียล่ะมั้ง.....ไม่สิ ไม่ใช่แค่ต้องเข้าไปห้องขัง ......แต่ขาต้องเสียเพื่อนคนหนึ่งไปตลอดชีวิต.....คิดแล้วก็หัวเราะในความงี่เง่าของตัวเอง ต้องขอบคุณคนที่กุมมือเขาอยู่สินะ
แต่สิ่งที่ยูริยังไม่รู้คือเจ้าตัวยิ้มแฉ่งไปตลอดทาง.....
ที่ที่เจสสิก้าพามาคือโรงเรียนเด็กอนุบาลแห่งหนึ่ง ซึ่งก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากนัก แถมดูท่าทางแล้วเธอยังสนิทกับเด็กตัวเล็กๆพวกนี้อีกด้วย
“พี่สิก้าวันนี้จะมาอ่านนิทานใช่ไหมคะ” เด็กสาวคนหนึ่งเอ่ยขึ้น
“ไม่ใช่หรอกค่ะ คือพี่จะมาร้องเพลงๆหนึ่งให้พี่คนนั้นค่ะ”
เธอพูดพลางชี้มาที่เขา เด็กๆต่างตรงปรี่เข้ามารุมล้อมเขาและเริ่มถามโน่นถามนี่เสียจนเขาตอบไม่ทัน เจสสิก้าอมยิ้มกับภาพที่เห็น.......
“เอ้าๆ พอแล้วๆ พี่เขาตอบไม่ทันหรอก สงสัยจะไม่อยากฟังพี่ร้องเพลงแล้วล่ะมั้ง
.”
“อยากค่ะ/ครับ!!”
เด็กๆขานเสียงพร้อมกัน เขารู้ได้ทันทีว่าเธอคงเป็นที่รักของเจ้าตัวเล็กพวกนี้เป็นแน่ เจสสิก้าหยิบดินสอขึ้นแท่งหนึ่งโดยสมมุติว่ามันเป็นไมค์ จากนั้นเสียงใสๆของเธอก็เริ่มขึ้น......ฉุดให้เขาตกลงไปอยู่ในภวังค์ของเธอ......
[Just fine - นท เดอะสตาร์]
“Oh, honey don't you worry. You will be just fine
(อย่ากลุ้มใจไปเลย เดี๋ยวเธอก็ดีขึ้นเอง)
We're walking on this road together .I understand what's on your mind
(เราจะก้าวไปด้วยกันบนเส้นทางนี้ ฉันรู้ดีว่าเธอคิดยังไง)
This blue won't last forever Tomorrow, we'll be laughing together
(ความเหงาจะต้องเศร้าจางไป พรุ่งนี้เราจะได้หัวเราะด้วยกัน)
And everything will be just fine.Just fine....just fine....just fine....just fine
(และทุกอย่างก็จะดีขึ้น ดีขึ้น)
Oh, honey don't you worry. You will be just fine
(อย่ากลุ้มใจไปเลย เดี๋ยวเธอก็ดีขึ้นเอง)
We're walking on this road together .I understand what's on your mind
(เราจะก้าวไปด้วยกันบนเส้นทางนี้ ฉันรู้ดีว่าเธอคิดยังไง)
Just....Fine"
(จะดีขึ้นเอง)
แปะๆ
ทั้งเขาและทุกคนต่างปรบมือให้เธอเกรียวกราว เจ้าตัวยิ้มบางๆตามปกติ ผิดกับเขาที่ยิ้มแป้น ลืมเรื่องที่เคยเกิดขึ้นไปเสียหมด......
หลังจากที่บอกลาคุณครูและนักเรียนตัวน้อยเสร็จเรียบร้อย เขาและเจสสิก้าก็เดินเรื่อยเปื่อยด้วยหัวใจที่พองโต มือที่กุมอยู่ทำให้อัตราการเต้นของหัวใจเขาเพิ่มมากขึ้น เผลอๆจะเต้นแรงกว่าตอนที่จับมือกับทิฟฟานี่เสียอีก
......จะผิดไหม.....ถ้าหากเขาจะเริ่มต้นใหม่กับคนๆนี้......ลืมเรื่องราวที่เจ็บปวดไปให้หมด แล้วก้าวเดินไปข้าวหน้าอย่างมีความสุข......
.....บางทีนี่อาจจะเป็นนิยายเรื่องใหม่ที่เขาและเธอเป็นคนดำเนินเรื่องก็ได้......
..THE END
..
หุๆๆ.....ยังไงมันก็ต้องแฮปปี้เอ็นดิ้งอยู่แล้วนี่เนอะ
แต่ไม่รู้ว่าเขียนออกมาดีหรือเปล่า ยังงงๆกับตัวเองอยู่เลย T^T
ช่วยๆกันติ(ด่า)หรือชมกันเลยนะคะ จะได้ไปปรับปรุงตัวเอง
เมื่อยนิ้วซะแล้ว.......บ๊ายบายนะคะ......
ผลงานอื่นๆ ของ PepperMint ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ PepperMint
ความคิดเห็น